ดูทีท่าบล๊อกนี้จะกลายเป็นบล๊อกดูซีรีส์ญี่ปุ่น เกาหลีไปแล้ว 555
*
ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็เจ้า “ประสบการณ์มือสอง” ที่แปลงร่างเป็นแผ่นๆ พวกนี้
มันทำให้มีอารมณ์คุยต่อแบบพุ่งปรี๊ด
และสะเทือนอารมณ์กว่าประสบการณ์ตรงในชีวิตจืดๆ ชืดๆ ของเรานัก
*
งวดนี้ เป็นประสบการณ์ที่ขอดูอย่างเดียว ไม่ ขอประสบเองเด็ดขาด
กับ …โรคมะเร็ง
*
Scent of a woman
ถูกหยิบเลือกมาดูด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นหนังรักสดใส
ด้วยใบปิดหนังมันเปิดไว้ใสประมาณนั้น
*
พลาดดดด
ไปเจอของดี
*
หนังเรื่องนี้ DRAMA สุดๆ
แบบกระหน่ำร้องไห้กันจนเหนื่อย
และเป็นหนังเกาหลีเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำให้ “คาปูชิโน่” คิดหนัก คิดนาน
ดูค้าง ถอยหน้า ถอยหลัง หยุด pause เพื่อคิดเป็นระยะๆ
ซึ่งอาการนี้มักจะเกิดกับหนังญี่ปุ่นมากกว่า
แต่กับเรื่องนี้แล้ว… อีฉันจุกอก
*
แม้จะเป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังเกาหลี
ที่โครงเรื่องจะผูกกับเสาหลักเรื่องความรักชายหญิง
แต่คราวนี้เส้นเรื่องอื่นๆ มันก็ชัดเจน เน้นหนักไม่แพ้กัน
จากปมที่ชัดมาก กับ การเป็นมะเร็งของนางเอกของเรื่อง
*
อาจจะเพราะคาปูชิโน่อินความรู้สึกนี้มากมาย
ด้วยเคยประสบเหตุการณ์ที่ทราบข่าวเพื่อนสนิทเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย
ประโยคที่ว่า …“หมอบอกว่าอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน”
มันกรีดเข้าไปในอก ชนิดล้มทั้งยืนได้
*
หนังเรื่องนี้ถึงกับทำให้ร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก
เพราะมันสะท้อนมุมมองจากจุดๆ เดียว ให้เป็นหลายภาพ
ในสายตาคนหลายคน
บางมุมเป็นมุมที่เราไม่เคยมอง ไม่เคยเห็น ไม่เคยคิด
เวลามันถูกตีแผ่แบนๆ ออกมาให้เห็น จึงทำให้สะดุ้งสุดตัว
*
กับคำว่ามะเร็ง
คนไข้โรคมะเร็ง- ถ้าอยากดูแลคนเป็นมะเร็ง อย่ามัวแต่พูดซ้ำๆ ว่า
…จะทำยังไงดี จะทำยังไดี
มันจะยิ่งทำให้พวกเราเศร้าไปกันใหญ่ เพราะมันทำอะไรไม่ได้
ทางที่ดี ทำเหมือนปกติ เหมือนพวกเราไม่เป็นอะไร
อย่าทำให้เรารู้สึกว่า เราเป็นคนป่วยโรคมะเร็งก็พอ … มันอึดอัด
:_(
หมอ- (เศร้า) ทำไมผมถึงเลือกมาเป็นหมอโรคมะเร็งนะ
มันทำให้ผมทำอะไรไม่ได้เลย รักษาใครไม่ได้เลย
คนไข้ผมต้องตายทุกคน
:_ (
แฟน-คุณเสียใจไหมที่เป็นมะเร็ง
คนเป็นมะเร็ง-ฉันเสียใจที่ฉันต้องตายเร็ว แต่ฉันก็ดีใจที่ได้เป็นมะเร็งด้วยนะ
ไม่งั้นฉันก็ไม่ได้เจอคุณ และ …
ยังเป็นฉันคนเดิมที่ไม่เคยได้ “ใช้” ชีวิต
: )
*
เป็นมะเร็งแล้วไม่บอกคนใกล้ตัว
หมอ- ทำไมไม่บอกญาติ แล้วใครจะดูแลคุณ!!! (โกรธ)
คนเป็นมะเร็ง-ฉันไม่อยากให้แม่เป็นห่วง เพราะยังไงเราก็ต้องจากกัน
ให้แม่รู้คนสุดท้ายเลยดีกว่า
:_ _ (
แม่-แกรู้ไหม …แกทำให้ฉันเป็นแม่แบบไหน?
แม่ที่ยังหัวเราะอยู่ได้ ตอนแกป่วยจะตาย
: (
คนเป็นมะเร็ง- ฉันไม่บอกแฟนหรอกว่าเป็นมะเร็ง
ฉันจะบอกเลิกเขา ฉันไม่อยากให้เขาทุกข์ตอนฉันจากไป
:_ (
แฟน-บางทีผมก็ทุกข์ บางทีเหมือนใจจะจะขาด
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ยังมีความสุขกว่าที่ได้อยู่กับเขา
บางทีพรุ่งนี้ผมอาจถูกรถชน ผมอาจจะตายก่อนคนเป็นมะเร็งก็ได้นะ
ขอผมอยู่กับเขาเถอะ
: )
*
กับเสียงดังๆ ที่ระเบิดอารมณ์ใส่กัน
แฟน- พอเถอะ ….คุณไม่มาต้องห่วงความรู้สึกผม !!!
คนเป็นมะเร็ง-คุณจะให้ฉันตายกับความรู้สึกผิดหรือไง?
: (
คนเป็นมะเร็ง-ฉันก็แค่ขอทำตามฝันก่อนตาย
หมอ-แปลว่าอะไร เป็นมะเร็งแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ ทำผิดก็ได้เหรอ
ทำอะไรแย่ๆ… แล้วจะไม่ต้องถูกว่าใช่ไหม
: (
*
พล๊อตหนังอาจเป็นไปในทางที่เดาได้
แต่บทหนัง จังหวะหนัง และการสื่อสารผ่านตัวแสดง
โดยเฉพาะนางเอกที่เป็นมะเร็ง
คุณหมอ
คุณแฟน
คุณแม่
หรือแม้แต่…เพื่อนร่วมห้องพักในโรงพยาบาล
ต้องร้องหูยยยยกันเลยเชียว
*
ดูจบเราได้ของขวัญกลับมาจากเรื่องนี้…
เราจะพยายามมองเรื่องเดียวกันจากต่างอารมณ์ ต่างจุดยืน
ลดความโกรธ ไปวางไว้ที่…ความเข้าใจ (หรือเผื่อใจก็ยังดี)
และ
เขียนสิ่งที่อยากทำก่อนตาย และ ค่อยๆ ทำมันไป
ไม่ต้องรอให้เหลือ 6 เดือนสุดท้ายของชีวิต
และ
ถึงโรคจะร้าย แต่โลกอาจไม่ร้าย ถ้าเราเลือกจะ “ใช้” ชีัวิต
ชวนเขียนเรื่องที่เราอยากทำก่อนตายกันดีกว่า ….