โดยส่วนตัวของฉันแล้ว จบมาจากโรงเรียนมัธยมที่เดินเรียน เปลี่ยนห้องทุกชั่วโมงมาตลอด 6 ปี จึงไม่ค่อยมีความผูกพันกับโต๊ะ หรือหลักแหล่งแห่งที่ พักเที่ยงที่ห้องไหน เลิกเรียนที่ห้องไหน ตรงนั้นก็เป็นที่ของเรา มีโต๊ะม้าหินไหนว่าง เราก็ลงนั่งได้ ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ หรือแขกแต่อย่างใด
*
จะมารู้ซึ้งกับคำว่า “โต๊ะ” ที่ผูกพันขนาดที่เอ่ยทุกครั้งก็เหมือน “กลับบ้าน” ทุกที ก็เมื่อเข้ามาอยู่มหาวิทยาลัยนี่แหล่ะ
*
จุดเริ่มต้นของ “โต๊ะ บัญชี กอไก่” จึงเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตนักศึกษาของเราด้วย
*
จำได้ว่าในช่วงอาทิตย์แรก เรายังไม่มีโต๊ะ เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยก็ยังจัดสรรโต๊ะให้ไม่ทัน จึงต้องนำโต๊ะของกลุ่มจากท่าพระจันทร์มายังรังสิต แต่ก็ต้องรอเป็นในวันเสาร์อาทิตย์ที่พี่ๆ สะดวกขนย้ายให้
*
โดยปกติแล้วที่คณะบัญชี ท่าพระจันทร์ จะมี 9 กลุ่ม ไล่ตามตัวอักษรคือ ก ข ค ง จ ฉ ช ซ และ ญ (ทำไมโผล่มาเป็น ญ เลยไม่รู้สินะ) ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมี location ประจำที่ใต้ถุนตึก(ปัจจุบันคิดว่าคณะ พบ.ไม่ ใต้ถุนเสียแล้ว) ไล่จากหัวตึกไปจนถึงท้ายตึก ติดกับร้านส้มตำบัญชีกันเลยทีเดียว โดยกลุ่ม กอไก่ จะอยู่บริเวณตอนต้นของตึก ส่วนที่ติดกับคณะสังคม โดยทั้ง 4 ชั้นปี จะกระจายโต๊ะอยู่รายรอบ ห้อง คน.พบ. (คณะกรรมการนักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี)
พอปี2529 น้องปี 1ย้ายไปอยู่รังสิต โต๊ะกอไก่สำหรับปี 1ก็จะทำการขนย้ายไปให้น้อง ๆ ที่รังสิตอย่างที่บอกไว้
*
แล้วถ้าไม่มีโต๊ะ เรานั่งกันที่ไหน อย่างไร….
*
นั่งกับพื้นค่ะ บนลานโล่งๆ ใต้ตึกนั่นแหล่ะ
ในวันแรกทุกคน คงยังอยู่ในสภาพงงๆ และโกลาหล กับชีวิตใหม่ สถานที่ใหม่เดินงงไปมากันจนละเลยเรื่องการปักหลักสร้างฐานกัน แต่จำได้ว่าบ่ายๆวันแรกๆ นั่นเอง มีใครสักคนนึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ว่าเราควรจะทำการจับจองพื้นที่วางโต๊ะ ที่ทางมหาวิทยาลัยบอกว่าจะจัดการให้ในเร็ววัน และที่จะขนส่งมาจากท่าพระจันทร์ด้วย *
สารพัดเหตุผลจึงนำมากองรวมกัน
- อย่าห่างจาก หอพักมานักนะ
- ต้องไม่ไกลโรงอาหารด้วย (หอพัก กับโรงอาหารก็ใกล้กันไม่ใช่หรือจ๊ะ)
- ฉันมารถไฟ ลงรถตรงนี้นะ(พลางชี้มือ)
- ฉันมารถเมล์ ลงตรงโน้น (ชี้มือด้วย)
- เอาที่อากาศดีๆ ตอนบ่ายไม่ร้อนนะ กูจะนั่งเล่นเลียบตุ่ย
บทสรุปเรื่องพื้นที่เป็นอย่างไร ดิฉันไม่ทราบได้เนื่องจากรถสองแถวที่จะรับไปขึ้นรถไฟที่สถานีเชียงรากน้อยกดแตรเรียกแล้วว่ามารับแล้ว บอกลาเพื่อนๆ สองคำแล้วก็รีบวิ่งไปเลย
*
ภาพตัดมาอีกทีก็คือเช้าตรู่ของอีกวันนึ่ง เมื่อเราชาวรถไฟ รอบก่อน sec แรกที่น่าจะมาถึงศูนย์รังสิตประมาณ แปดโมงนิดๆ(จำได้ไม่แน่ชัด) เดินเข้าอาคารบร. 1ด้านหลัง แล้วเราก็ได้ยินเสียงเพื่อนผู้ชายกลุ่มกอไก่ เรียกไว้
*
“เฮ้ยพวกแก มานั่งเฝ้าที่ตรงนี้หน่อย พวกเราลงมาจองที่แต่เช้า ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ขอไปอาบน้ำที่หอก่อน แล้วจะเอาอุปกรณ์มาทำสัญลักษณ์การจองที่นะ เจอเพื่อนๆ ก็เรียกให้มานั่งรอกันตรงนี้นะ นั่งกันเยอะๆ แกเรียน sec แรกรึเปล่า (เราพยักหน้างึกงัก).. เออๆๆ ฉันจะกลับมาให้ทันเปลี่ยนเวรเฝ้านะ”
*
ขณะที่ปากสั่งไป ก็ส่งหนังสือพิมพ์ให้สองสามแผ่น …นั่นคืออุปกรณ์ชุดแรกในการจองพื้นที่ เพื่อให้เราใช้ นั่งพับเพียบกับพื้น ตรงที่ที่จะกลายเป็นนิวาสสถานของพวกเราต่อไป
*
ที่ตรงนี้….บริเวณใต้ถุนตึก บร 1 ด้านหลัง ใกล้กับประตูทางออกห้องเรียนรวมใหญ่ระดับออดิทอเรียม แถมยังใกล้จุดจอดรถสองแถวจากสถานีรถไฟเชียงรากน้อย เข้ามุมที่ใกล้หอพักใน และไม่ไกลจากโรงอาหารจริงๆ (แถมด้วยการติดกับทุ่งกว้างหลังตึก รับลมเย็นสบายทั้งวัน และค่อยๆ ปรับทุ่งหญ้านั้นไปเป็นสนามบอลในเร็ววัน)
*
คุณพระ! นี่มันlocation ทองชัดๆ ดังนั้น ก็คาดการณ์ว่าจะเป็นที่หมายตาของหลายกลุ่มแน่นอน เริ่มมีการวางแผนในการจับจองที่ดิน ใครจะลงมาจองที่ กันเมื่อไหร่ การเปลี่ยนเวรยามเฝ้าที่ การทำหมายหมุดจองพื้นที่ นี่มันตื่นเต้นในการช่วงชิงดินแดน ดั่งกับหนังดัง FAR AND AWAY ชัดๆ เข้าใจว่า เพื่อนคนแรกที่ลงมาจองพื้นที่ได้ คงได้ตะโกนคำว่า “This land is mine.” อย่างทอม ครูยส์ ในหนังจริงๆ
และจากเหตุการณ์ดังกล่าว เราก็ได้ตั้งรกรากกันที่นั้นและอยู่อย่างมีความสุขตลอดปีการศึกษา2529 ก่อนที่จะกลับเรียนที่ท่าพระจันทร์ และความทรงจำที่เปี่ยมยิ้มนั้น ก็มีมาจนถึงวันที่เริ่มเขียนบทความนี้ ทำให้เราเพิ่งได้สงสัย ว่าขบวนการก่อนหน้าที่เราจะมารับรู้นั้น เพื่อนๆ เลือกและจองพื้นที่ เกิดขึ้นได้อย่างไร จึงได้มีการถามไถ่ไปยัง กลุ่มเพื่อนที่อยู่หอใน หอนอก โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนผู้ชาย ที่คาดว่าจะเป็นผู่ก่อการจองที่ดังกล่าว
*
แล้วความละมุนละไมในความทรงจำวัยเด็กก็แตกโผละ เหมือนลูกบอลบรรจุน้ำที่สาดเข้าใส่คนที่เอาหัวมาสุมกัน เมื่อคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ
*
… “เรื่องที่ตั้งของโต๊ะเรา คือ ตอนนั้นพวกเราไม่มีที่นั่งและเห็นพวกเธอนั่งกับพื้น ก็เลยขโมยโต๊ะเสียเลย คือโต๊ะที่เรานั่งอยู่ตอนนั้นมีการจองโดยปิดกระดาษ A4ว่ารัฐศาสตร์จอง ผมก็เลยไปดึงออกแล้วนั่งเลย และให้มาติดป้ายใหม่ว่ากลุ่ม ก.ไก่ ซึ่งตอนนั้นยังไม่กลัวใคร รู้แต่ว่าเพื่อนไม่มีที่นั่ง ก็ขโมยมันดื้อๆอย่างนี้แหละ”
*
… ดูมันทำดิ นี่พวกเราหลายคนก็เพิ่งรู้ประวัติอันมืดดำของโต๊ะก็ตอนนี้เอง
*
ต่อข้อซักถามที่ว่า.. “เมื่อแกขโมยที่เขามา แล้วยังจะส่งไม้ต่อให้พวกฉัน นั่งเฝ้า นี่อ่ะนะ ไม่คิดว่าเขาจะยกพวกมาทุบหัวรึ”
*
เสียดายที่ข้อความในไลน์ไม่มีเสียง เราเลยไม่รู้ว่า ผู้ตอบๆ คำถามนี้ด้วยน้ำเสียงประการใด
“เขาไม่ทำอะไรพวกผู้หญิงหรอกน่า”
*
ด้วยความรู้เท่าไม่ทันเพื่อน จึงขอกราบขออภัยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ มาในโอกาสนี้ด้วย (36ปีให้หลังนิ)
ในปัจจุบันนี้ เชื่อว่าโต๊ะทุกโต๊ะที่เคยตั้งกันไว้ในปี 2529 คงได้เคลื่อนย้าย และเดินทางกันไปอย่างโชกโชนแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนมีแต่อาคารเรียนรวม ยังไม่มีคณะ เราจึงนั่งผสมปนเปกันหมด ปี พ.ศ.นี้ น้องๆ คงตั้งหลักแหล่งโต๊ะกลุ่มกันที่คณะ ที่แยกกันโดยเฉพาะไปแล้ว
*
หากมีศิษย์น้องรุ่นหลังๆ ผ่านมา จะช่วยเล่าหรือบอก location ของโต๊ะบัญชีกอไก่(ยังแบ่งแบบนี้อยู่หรือเปล่ายังไม่รู้เลย)…. จะเป็นพระคุณอย่างสูง
*
ความรักในโต๊ะกลุ่ม ยังคงมีสืบสานต่อเนื่องต่อมาจนถึงท่าพระจันทร์ ที่ เราจะทำความสะอาด ล้าง ขัด ทาสี จัด ตกแต่ง ก่อนเปิดเรียนในปีการศึกษาต่อไปอยู่เสมอ ด้วยความที่เราอยู่กันที่นี่ อาจจะมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก
กิจกรรมเพลิดเพลินยามปิดเทอม คนนึงขูด คนนึงขัด อีกสองคนทา (อีกคนก็เดินถ่ายรูปเล่น)
เราหัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน แย่งลูกชิ้นกันกิน ก็ที่โต๊ะตัวเดียวกัน
*
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า วันที่เราได้สวมครุยบัณฑิตนั้น เราไม่ได้ต้องการฉากหลังยิ่งใหญ่ตระการตา ขอเพียงเราได้ถ่ายภาพร่วมกัน ระหว่างพวกเรา และโต๊ะของเราก็เพียงพอ
นี่ไง ใช้โต๊ะ เป็นฉากถ่ายรูปบัณฑิตไปเลย 555 จนนาทีสุดท้ายโต๊ะก็ส่งเราเป็นบัณฑิต ด้วยการให้เราปีนขึ้นไปถ่ายรูป
ใส่ความเห็น