เกรงว่าการเป็น “ฟรีแลนซ์” จะมีอะไรบางอย่างเหมือน “คาเฟอีน”
ที่ “ขม”
…..แต่
อย่าได้ลองเลยนะ
จะ….ติด
*
อีกครั้งแล้วที่ทนเสียงในสมองตัวเองไม่ไหว
และยอมรับสภาพ “อกหัก” หรือ “หักอกตัวเอง” ก่อนจะก้าวข้ามประตูออฟฟิซ
กลับมาเป็น Freelance อีกครั้ง
*
งวดนี้ขอใช้คำว่า “หักอก” ตัวเอง เพราะเราไม่ได้เริงร่าเฮฮาดังทุกคราว
แต่กลับอึ้งลึก และ นิ่งหนัก กลับการเดินหันหลังกลับ
เพราะมันเหมือนเราหักหลังตัวเองกับสิ่งที่ตั้งใจหนักแน่น
*
เทียบเป็นชายหนุ่มก็เสมือนเจอหญิงสาวแสนงามและแสนดี
ที่เราตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่และมีอนาคตร่วมกันอย่างในนิทาน
แต่ท้ายสุดกลับพบว่าตัวเราก็ได้เป็นแค่ “ผู้ชายเลว” ในนิยายราคาถูก
ที่ได้เอื้อนเอ่ยคำว่า…“เธอดีเกินไป”…ออกมาจนได้
*
ก็เพิ่งรู้ว่า ประโยคนี้พูดไม่ง่ายเลย
เพราะทุกครั้งที่เอ่ยออกมา ก็จะมีเสียงดังก้องกลับมาในหัวว่า
เขาดีเกินไป หรือ แกมันเลว
! ? ! ?
*
แต่ในความเศร้าก็มีความสวยงามเสมอ!
อย่างน้อยการเจอคนดีๆ ก็ดีกว่า … เจอคนไม่ดี
เราอาจจะไม่ได้คู่ชีวิต แต่เรากลับได้…”มหามิตร”
เราอาจใช้เวลาร่วมกันน้อย … แต่เราจะมีความสัมพันธ์กันยาวนาน
ขอบคุณสำหรับ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุด”
*
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เรา้หวนกลับไปคิดถึงหนังสือในดวงใจเล่มหนึ่ง
ซึ่งวันนี้กระจกวิเศษได้ส่องให้เห็นแล้วว่า
เราคงมีวิญญาณ “Jonathan Livingston Seagull”
อยู่ในตัวจริงๆ
*
“People who make their own ruels
when they know they’re right…
people who get a special pleasure out
of doing something well
(even if only for themselves)…
people who know there’s more to this whole living thing
than meets the eyes:
they’ll be with Jonanthan all the way.
They may simply escape into a delightful adventure
about freedom and flight.
*
ออกบินอีกครั้ง เพื่อ หาฝั่งข้างหน้า
I read this book when I was in high school. And I used this book as basis of the poem which I personally wrote and submitted to my English teacher for a class project.
I’d like to share the poem here. But I must remind you that I wrote it when I was in high school so it’s not really a beautiful poem :).
Jonathan
they laugh at your courage to die
at the most unlikely moment
they scorn
the best thing that you’ve done
with your two amateur wings
they try to tear
your gullible soul
with their mockery
but just the same,
you ached
for that unselfishness,
for that bright silky sheet called sky,
for that ground-to-upper distance
where the Flock will forever thrive.
Float, just float, Jonathan. And fly—fly high!
One day, the Flock will come by one route
together.
555… ฮือๆๆ…
อ่านแล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี…
คนที่มีจิตวิญญาณกบฏ… ก็มักแหกกรอบลอดช่องกรงขังเสมอ…
ไม่ว่าห้องนั้นจะชวนให้ปักหลักซักเพียงใด… ไม่ว่าผู้คนจะแสนดีซักเพียงไหน…
แต่เมื่อมีมีเสียงเพรียกจากหัวใจ… ถึงเวลาที่ต้องเดินทาง… แสวงหา… มิใช่ค้นหา… อีกครา…
สงสัยแกต้องไปอยู่เนปาลซะแล้ว… ที่นั่นกบฏเหมาได้ชัย… น่าจะเหมาะกับแก…
ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แล ปลงเถอะโยมหญิง 555 ไว้ว่างๆ เราไปหาคาเฟอีนร้านเก่ๆ นั่งกันนะ
หล่อนไม่อยู่ ฉันคิดถึงมาก ๆ ขอบอกว่าโรคซึมเศร้านี้ยังไม่หายไปนะ ตอนนี้เศร้าหนักกว่าเดิมอีก
แต่ยังยิ้มได้ (:
สวัสดีค่ะ เป็นคนหนึ่งที่ก้าวออกมาสู่ชีวิตฟรีแลนซ์ จำความรู้สึกวันที่ก้าวออกมาวันนั้นได้เป้นอย่างดี มีทั้งดีใจและเศร้าใจ “ดีใจ” ที่จะได้ไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ (ดีใจมากๆ) “เศร้า”ที่ต้องจากที่ๆเราคุ้ยเคยผูกพันธ์ มิตรภาพ เพื่อนฝูงและผู้คนที่เรารัก…
ตอนนี้ออกมาแล้วมองกลับไป ยังรู้สึกประทับใจในที่ๆเราจากมา แต่เมื่อหันมามองชีวิตในปัจจุบันและมองไปข้างหน้า ช่างเป็นชีวิตที่มีความสุขจริงๆ มีความน่าสนใจ ตื่นเต้นให้เราเดินต่อไป “ขอบคุณงานเก่าที่ให้ประสบการณ์และสิ่งดีๆต่างๆมากมาย” ขอบคุณตัวเองที่เลือกเดินออกมาสู่โลกที่เราต้องการจริงๆ 😀
ยินดีต้อนรับสู่อ้อมอกอิสรภาพ…อีกครั้ง
มีเวลาพักแล้วดิ…ว่างๆก็แวะไปที่เชียงใหม่ล่ะกัน…เจ๊
มะม่วงเปรี้ยวกำลังเต็มต้น…ขาดแค่เกลือเท่านั้นแหละ…
ผมก็อยู่ห่างจากโลกออฟฟิศ มาอยู่โลกฟรี…..แล้น…..ท์ ก็นานโข
แต่ก็ยังมีชีวิตปกติสุขดี…เผลอๆ ในบางแง่มุม
ดูมันจะงอกเงยเรื่องดีๆขึ้นมาอีกด้วยซ้ำ…
ไม่เชื่อ เจ๊ ก็เข้าไปที่ นี่เลย http://2art.wordpress.com
มันคือคำตอบบางประโยค…ที่ผมตอบตัวเอง…
หลังจาก เดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมและเครื่องดูดวิญญาณ
ด้วยรักและหวังเหวิด…
จุ๊บ จุ๊บ
ปล.เท่าที่ฟังดูแล้ว…ชีวิตเจ๊ ขณะนี้มันเหมาะกะเพลงนี้เลย Fighting Girl >> ขอให้กำลังใจแม้ผมจะไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ในเพลง…
ว่าแล้วก็จัดไปให้ 1 ชุด >> http://www.brushfirerecords.com/artists/masonjennings/
มองไปมองมา ชีวิตของเราเองถูกขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ตั้งแต่อดีตและนิสัยที่ติดตัวมา
เราน่าจะสังเกตความติดและการกระทำของตัวเราเอง เพื้อเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในปัจจุบัน แทนที่จะถูกขับเคลื่อนโดยโปรแกรมที่ตั้งไว้ต้งแต่ในอดีต
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เรา อยากเป็นอิสระ ฟรีแลแนซ็ เป็นคำตอบได้แน่นอน
ขอแจมด้วยค่ะ
ตั้งใจไว้เช่นกันในงาน ฟรีแลนซ์ “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับใจที่ใฝ่ทำ” แต่ส่วนมากแล้วตัวเราเองยังขาดการลงมือปฏิบัติที่จริงจังและต่อเนื่อง จึงยังไม่ค่อยจะเห็นผลเท่าไรนักในงานนี้
อย่างไรก็ตาม คงต้องเริ่มจากความคิดภายในใจของเราก่อน
ถ้าพัช อยากเปลี่ยนแปลงดอกไม้ในสนามหญ้าหน้าบ้าน
พัชต้อง เริ่มเปลี่ยนแปลงที่เมล็ดพันธุ์ดอกไม้ก่อน
ถ้าพัช อยากแก้ไขในสิ่งที่พัชมองเห็น
พัชจะต้องเริ่มแก้ไขจากสิ่งที่พัชมองไม่เห็นเสียก่อน น่าจะเป็นการดี
“ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุและปัจจัย”
ฟรีแลนซ์ที่น่าสนใจเยี่ยมชมได้ที่ http://www.quest.net
อ้าว อ้าว
อย่างนี้ต้องฉลอง
เลี้ยงอะไรอ้อมดีอ่ะพี่
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่มาเป็นกำลังใจมือเก่าหัดเป็นฟรีแลนซ์ (อีก)
โดยเฉพาะคุณอิ่มเอมขอบคุณจริงๆ ที่ชวนไปเชียงใหม่ เพียงแต่เราไม่อยู่เช็ค blog ไปหลายวัน เลยไม่ทราบคำชวน
ไม่งั้นจะพุ่งตรงจากเชียงรายไปหาเลยนะนั้น 5 5 5 5
น้องอ้อมจ๋า …พี่เป็นฟรีแลนซ์ในทางราชการเรียกว่า “ตกงาน” นะคะ น้องอ้อมควรเลี้ยงข้าวพี่แทนนะคะ อะจึ๋ยยยยย
คุณพัชและ Diamond ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆ นะคะ ดีจังที่เวลาแบบนี้มีเพื่อนอยู่รอบข้างถึงแม้เราจะไม่รู้จักกันก็ตามนะคะ
ผ่านมาครับ ..รู้สึกดีจัง .. อยากเป็น ฟรีแลนซ์ .. บ้างจัง ..
แบบนี้เค้าเรียกว่ามืออาชีพ
จริงๆ
อิอิ ป้อก็ เหมือนกันพี่ ตอนนี้ลงตัวแล้ว ไม่อยากเข้าระบบ เพราะเบื่อประกันสังคม และระบบภาษีต่างๆ … แบบว่าขี้เกียจทำอ่ะ 555
หุหุ พี่หญิง ยังบ่นเป็นคนมีอายุเนอะ
ไม่กี่วันนี้เพิ่งไปลองนั่งวิปัสสนามา 10วัน ห้ามพูด โห รอดมาได้ แต่รู้สึกดีมากเลย สงสัยตัวเองแก่แล้วจริงๆ
มาว่าฉันแก่นะเจ้าป้อ
แต่อ่านจากตัวหนังสือแกแล้ว นัยว่าจะแก่คลานตามกันมา
5 5 5 5
นั่นน่ะสิพี่ ตอนนี้เจอหลานๆ เรียกแล้วกลุ้มใจ 555…5