เราฝ่าฝนเมื่ออาทิตย์ก่อนไปเลย
คือไปจังหวัด “เลย” มา
แล้วก็ไม่ลืมที่จะจอดนมัสการพระธาตุ “ศรีสองรัก”
ที่อำเภอด่านซ้าย เพื่อเป็นบุญหัวด้วย
*
พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหมัน ห่างจากตัวอำเภอด่านซ้ายประมาณ 1 กิโลเมตร
พระธาตุศรีสองรักมีรูปทรงลักษณะศิลปกรรมแบบล้านช้าง คล้ายพระธาตุพนม
พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา
เพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ระหว่างกรุงศรีอยุธยา(สมัยพระมหาจักรพรรดิ)
และกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์)
…. ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
นั่นเองจึงเป็นที่มาของ “สองรัก”
*
ดูเอาเถอะ ต่างชาติ ต่างถิ่น ยังหันหน้ามาจับมือกัน “รักกัน”
จนต่างต้องสร้างอนุสรณ์สถานถวายบวรพระพุทธศาสนา
เพื่อให้พรหมวิหาร สี่ ได้เกิดแก่คนถ้วนหน้า
*
ยามจรดหน้าผากลงแตะพื้น พลันอยากให้ความชุ่มชื่นใจได้ขยายไปถึงใครหลายๆ คน
อยากชวนคนไม่รู้จักที่คงนั่งตากฝนตากแดดที่หน้าทำเนียบ และคนในทำเนียบที่กรุงเทพมาด้วยจัง
ด้วยเพราะคนในบ้านเดียวกัน ยังไม่มี “รัก” จะให้กัน
จ้องหน้าและจับผิด ตะโกนด่าทอมากกว่าหาทางแก้
ยินดีจะนั่งเป็น “ยอด” มากกว่าจะลุกขึ้นมาสร้าง “งาน”
เพ่งเล็ง “ความแตกต่าง” เป็น “โทษ” สถานเดียว
(หมายเหตุ: ภาพข่าวนำมาจาก manager.co.th
ภาพเด็ก “กู้ชาติ” ถือเป็นภาพข่าวที่สะเทือนอารมณ์เราที่สุด
มองรอยยิ้มของเขา แล้วเหมือนเห็นอนาคตไทย ที่กำลังขยายพันธุ์ประท้วง
ด้วยจิตวิทยามวลชนมากกว่าความเชื่อและความคิดอันประชาธิปไตยจริงๆ จากผู้เข้าร่วม)
*
อธิษฐานจิตถึงบรรพชนไทย ถึงสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
ที่มีรักให้แก่ผู้อื่น แม้แต่ต่างชาติ เผ่าพันธุ์ ต่างการปกครอง แต่ก็ชื่นชมและอยู่กับ “ความต่าง” นั้นได้อย่างสวยงาม
หากบรรพชนดลใจใครได้ ก็ขอให้ดลคนที่ยังไม่ได้คิดอะไร แต่นั่งทำยอดและเป็นเครื่องมือ
ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ผ่อนห่วงของ พ่อ แม่ เมีย ลูก …ลงบ้าง
*
ส่วนคนที่มีความเชื่อ และ แนวคิดจริงจัง
ก็ให้เขายังศรัทธาความคิดเขาด้วยสุจริตใจ ในวิถีประชาธิปไตย
โดยไม่ใช้ใคร (โดยเฉพาะเด็ก) เป็นแนวร่วมโดยเจตนา
*
เลย จาก เลย ไปไกล
กลับมาที่พระธาตุอีกที เราเห็น “ลูกผึ้ง ลูกเทียน” วางเรียงรายรอบพระธาตุ
ประดิษฐ์จากโครงไม้ไผ่เป็นทรงหอปราสาท
กรุรอบด้วยลวดลายงานแทงหยวกจากนั้นประดับด้วย “ดอกผึ้ง”
ซึ่งทำจากแผ่นเทียนกลม ๆ บาง ๆ ตากแดดแล้วจับเป็นกลีบ
ตรงกลางติดดอกบานไม่รู้โรย หรือขมิ้นหั่นเล็ก ๆ ต่างเกสรดอกไม้สีสดใส
*
เราขึ้นบันไดไปนมัสการรอบนอกพระธาตุได้
แต่ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเข้าสู่ฐานในพระธาตุ
อีกทั้งมีหลายคนในขบวนก็ขึ้นบันไดไปไม่ได้เพราะใส่เสื้อ “สีแดง”
เนื่องจากเป็นสีต้องห้ามด้วยเพราะเป็นตัวแทนของเลือดนั่นเอง
*
ใครที่จะแวะเวียนไปนมัสการแล้วตกเที่ยงท้องหิวแถวนั้นพอดี
อีฉันแนะนำให้กินข้าวที่อยู่ตรงข้ามพระธาตุกันเสียเลย
อร่อยปาก อิ่มท้อง และราคาถูกดีแท้
ทั้งก๋วยเตี๊ยวเป็ด ผัดไท ผัดซีอิ้ว ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ดีแท้
*
กินอิ่มแล้วขับรถเลยพระธาตุไปนิดเดียวอย่าลืมไปชม “วัดเนรมิตวิปัสสนา”
ที่มีพระอุโบสถซึ่งสร้างจากศิลาแลง ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง
ที่สงบเงียบงดงาม อย่างที่คุณจะไม่ได้เคยสัมผัสจากวัดใหญ่ที่พิษณุโลก
*
เป็นทริปอิ่มบุญดีแท้ นำมาเผื่อแผ่แก่ทุกท่านที่แวะผ่านมาด้วยเน้อ
*
เห็นภาพวัดแล้วรู้สึกสงบดีค่ะ
แต่ก็ไม่ได้สงบแบบเต็มๆ
ช่วงนี้อึดอัดเรื่องการเมือง เบื๊อเบื่อ
ไม่ได้เข้าข้างใคร แค่อยากให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ซักที
มันดูเหมือนจะถอยหลังยังไงไม่รู้