อันมีเหตุจากการล้มหมอนนอนเสื่อ
เลยต้องนอนหลับบ้าง ไม่หลับบ้าง อยู่เฉยๆ นานหลายวัน
จากเพลีย เป็นเบื่อ
จากเบื่อ ก็เลยต้องหาอะไรทำแก้เบื่อ
คิดซะว่าไหนๆ ก็ต้องนอนมองเพดานอยู่แล้ว
ก็หาบทเรียนจากประสบการณ์การนอนแนวระนาบครั้งนี้ดีกว่า
*
บทเรียนแรกก็คือ…
“คนออกแบบควรนอนลง”
*
shot น่าเบื่อในหนังประเภท ER
ทีถ่ายเห็นหลอดไฟบนเพดาน จากดวงนึงไปอีกดวงนึง
แทนความตื่นเต้นเร้าใจของคนป่วยที่ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดนั้น
… มันน่ากลัวจริงๆ เมื่อเกิดกับเราจริงๆ
*
เลยคิดว่าถ้าเราเป็นคนออกแบบโรงพยาบาล
จะเพ้นท์เพดานให้สวยเหมือน Sistine Chapel
และติดไฟสวยๆ ให้คนที่กำลังถูกเข็นสู่ความเจ็บปวดได้สบายใจขึ้น
*
บทเรียนที่ 2
“เคยแต่มองคนที่หน้า
คราวนี้ได้เวลามองคนที่ขากันบ้าง”
*
ยามมีความสุขและแข็งแรงดี
เราจะยินดีเจอคนสวยงาม หัวเราะสังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อย
สิ่งเสนอให้กันก็เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขทั้งสิ้น
*
แต่เมื่อเราล้มลง
เราจะแทบจะไม่เห็นหน้าใคร
เสียงหัวเราะเฮฮามันอยู่ไกลเกินไปถึง
เราจะเห็นแต่ขา พ่อ แม่ พี่ น้อง ในครอบครัว
ที่เดินขวักไขว้ไปมารอบๆ ตัว ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ทำทุกอย่างเพื่อจะให้เรายิ้มออกสักวินาทีนึง
แล้วเสียงของรอยยิ้มของพวกเค้าจะดังลั่นและใกล้หัวใจที่สุด
*
บทเรียนที่ 3
บนฟ้าก็มีถนน
*
ยามเมื่อต้องเดินทางแบบนอนไป
เราจะไม่ได้มองบั่นท้ายรถคันหน้า
ชีวิตเลยไม่ได้ลิมิตอยู่ที่ไฟแดง ไฟเขียว หรือรถติด
มันมีแต่… เราจะไปถึงเมฆก้อนหน้า ช้า หรือ เร็วเท่านั้น
เพลินดี
*
แค่รู้สึกแปลกใจว่าวิวที่น่าอึดอัดกับวิวที่น่าผ่อนคลาย
มันห่างกันแค่
เราเงยหน้าขึ้นเท่านั้นเอง
*
และแล้วเราก็พบว่า
“โลกแนวนอน”
มันสวยงาม และ น่าสนใจ
ไม่แพ้ “โลกแนวตั้ง”
อีกทั้งมันขนานและตัดกันอยู่ตลอดเวลา
อืมมม…อ่านแล้วก็ชวนให้คิดว่าเพดานแบบไหนที่เราอยากจะเห็นตอนที่ป่วยหรือก่อนที่จะตาย บางทีอาจจะแค่อยากเห็นผนังด้านในของหนังตาก็ได้ หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือจริงๆเมื่อถึงตอนนั้น อาจจะกระเสือกกระสนมองทุกอย่างให้มากที่สุดก็ไม่รู้
ชอบเรื่องนี้ค่ะ ชวนให้คิดดี