ช่วงนี้คอกาแฟพากันบ่นกันขรมว่ากาแฟเปรี้ยว
มันคงเป็นการเปรี้ยวแบบมวลมหาชนคนขมข่าว
*
ก็บ้านเมืองตอนนี้หันไปทางไหน มันก็มีแต่เรื่องขมๆ ปนๆ เซ็งๆ
พาลเอาคนติดคาเฟอีนอยากเปลี่ยนไปเสพแอลกอฮอลล์เป็นแถว
เนื่องจากไม่อยาก “ตื่น” แต่อยาก “เมา” แทน
*
อารมณ์หลากหลาย ก่อกำเนิดขึ้นในช่วงสองอาทิตย์นี้
ตั้งแต่ งง โกรธ ขำ เซ็ง เศร้า … จนวันนี้ก็ใกล้จะปลงแล้ว
งง…
ว่าเค้าเป็นใคร ทำไมมาอ้างสิทธิ์เรา ทำร้ายเรา
โกรธ…
ที่เค้าฮึกเหิมใช้คนหมู่มากที่กักขฬะและไร้สามัญสำนึกเป็นอาวุธ
ขำ…
ที่เค้านั่งลงมาพูดจากันแบบภาษาดอกไม้แล้วก็กลับไปถ่มถุยให้กัน
แบบเหมือนไม่ได้คุยอะไรกัน (เหวงๆ) ในอีกไม่กี่นาที
เซ็ง…
ที่เปิดทีวี แล้วเห็นภาพคนติดกับดักในความคิดของตัวเองเต็มไปหมด
บางคนติดกับความดี..(คิดดีไป เลยทำไม่เป็น)
บางคนก็ติดกับความเก่ง…(ไม่มีใครเก่งเท่ากู)
เศร้า…
ที่วันนี้เห็นสาว 7/11 หน้าบ้านอยากลางานครึ่งวันไปร่วมขบวนกีฬาสี
เพียงเพราะเห็นว่ามันสนุกดี เหมือนขบวนแห่งานวัดที่บ้าน !!!
*
ถึงจังหวะนี้กำลัง “ปลง”
เหมือนคนเป็น “มะเร็ง”
เพียงแต่คราวนี้มันเป็น … มะเร็งสังคม
*
เรื่องนี้มันก่อเกิดมาสักพักแล้วหละ
คงจะเกิดขึ้นจากการประพฤติตัวและการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมของพวกเรากันเอง
ปั๊มเงินเกินไป ซื้อของเกินไป เห็นแก่ความสุขของตัวเองเกินไป
มุ่งจะเสพเข้าไปแต่ประโยชน์ส่วนตัว จนเป็นไขมันวัตถุส่วนเกิน
ออกกำลังกายสมองและจิตใจน้อยเกินไป ทำให้วิเคราะห์ สังเคราะห์ข่าวสารไม่เป็น
ปล่อยให้ธรรมชาติอยู่ห่างเรามากไป จนเห็นทุกอย่างแค่รอบตัวเราเองเท่านั้น
นี่มั้ง ทำให้เนื้องอก เนื้อเกิน ได้เติบโตกลายเป็นเนื้อร้ายจนถึงวันนี้
*
แล้วก็คงเป็นเหมือนโรคมะเร็งทั่วไป ที่ไม่ได้มีวิธีรักษาด้วยวิธีเดียว
จะผ่าตัด จัดการเจ้าตัวปัญหาให้ล้มหายตายไป
แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องสะเทือนถึงอวัยวะอื่นๆ ด้วย
จะคีโม สกัดการเติบโตของเนื้อร้าย ที่ไม่วายทำลายเนื้อดีด้วยกัน
จะรักษาแบบธรรมชาติ กินหญ้ากินถั่วแบบค่อยเป็นค่อยไป
แต่นานชนิดไม่ทันใจจอร์จอันเสียเลย
หรือบางที…
ก็อยู่กันไป อยู่ด้วยกัน โตด้วยกัน ตายด้วยกัน ไปเลย
ยอมรับความวิบัติที่จะเกิดด้วยกัน
บางทีก็อาจจะตายเพื่อไปเกิดใหม่ด้วยกันนั่นแหล่ะ
!!!
ปัญหาใหญ่มันอยู่ตรงนี้แหล่ะ
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่มันแก้ปัญหาไม่ได้
ปัญหามันอยู่ที่แก้กันด้วยวิธีไหน… ต่างหาก
*
แล้วนี่มันเป็นมะเร็งสังคมด้วยซิ
จะมีคนอ้างความเป็นเจ้าของชาติ เจ้าของสังคมกันยกใหญ่
แล้วก็ถือหางวิธีตัดเนื้อร้ายด้วยวิธีต่างๆ นานา
ตามวิถีคิดของตัวเอง
จนกลายเป็นตีกันที่วิธีรักษา ไม่ใช่การรักษา
เพราะลืมไปว่าในความจริงแล้ว วิธีไหนมันก็แก้ได้เหมือนกัน
และต่างก็มีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน
เถียงกันเท่าไหร่ก็เลยไม่จบ
พาลจะงอกเนื้อร้ายๆ ก้อนใหม่ขึ้นมาอีก
*
บางทีเราอาจจะลืมต้นตอของปัญหาเนอะ
ว่าทั้งหลายทั้งปวง เกิดจากการกระทำของเรานี่แหล่ะ
คำว่าเรา ..แปลว่าหน่วยย่อยๆ ที่เป็นคนๆ นี่แหล่ะ
ยังไม่ต้องรวมกันเป็นกลุ่มก้อนสีอะไรเลย
*
ยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ทางออกของมะเร็งสังคมก้อนนี้จะไปทางไหน
*
แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ เลือกตั้งคราวหน้านี้
หนึ่งคน หนึ่งสิทธิ หนึ่งเสียงของเรา คงได้รู้ถึงความสำคัญของบัตรเลือกตั้งแล้ว
อย่าบ่นเบื่อ อย่าบ่นขี้เกียจ อย่าบ่นว่าไม่ว่าง อย่าบ่นว่าไม่คุ้ม
ยังไงก็ต้องออกไปเลือกตั้งใช้สิทธิใช้เสียง
เลือกคนที่คิดว่าใช่มาตัดสินใจแทนเรา
ไม่งั้นมีปัญหาทีไร ก็จะมีคนมาอ้างสิทธิ (เรา)
ไปโปะเป็นเนื้องอกประชาธิปไตยทุกที
แล้วเวลาเนื้องอกได้เชื้อเห็นแก่ตัวเข้าไปทีไร ก็จะกลายเป็นเนื้อร้ายทุกทีไป
ไม่ว่าเนื้อร้ายนั้นมันจะสีอะไรก็ตาม
ว่าม่ะ….?
ช่างเปรียบเทียบจัง เราเองก็ยังอยู่ในอารมณื โกรธ ขำ เซ็ง เศร้า เหมือนกัน
ได้แต่หวังว่าเนื้อร้ายมันเป็นส่วนน้อย และไม่รุกรานนะคะ